
หากพูดถึงชื่อของสโมสร มอสโตเลส มาลอมเปีย ก็คงมีผู้คนเพียงแค่หยิบมือเท่านั้น ที่รับรู้การมีอยู่ของทีมฟุตบอลดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ทีมท้องถิ่นที่โลดแล่นอยู่ในลีกระดับ 5 ของสเปน กลับถูกพูดถึงราวกับเป็นยอดทีมใน ลา ลีกา เมื่อมีการประกาศเปลี่ยนชื่อทีมเป็น แฟลต์เอิร์ธ เอฟซี หรือ โลกแบน เอฟซี
และในปี 2021 พวกเขายังคงลงเล่นในระบบลีกของสเปนอยู่ตามปกติ พร้อมกับแผนระยะยาวของประธานสโมสร ที่ต้องการเห็นทีมของตนลงเล่นในลีกของสุดของประเทศ เรื่องราวของสโมสรโลกแบนนั้นเป็นอย่างไร Main Stand จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกัน
ถ้าโลกนี้กลมจริง …
“ถ้าโลกใบนี้กลมจริง ทำไมน้ำถึงแบนราบเป็นแนวตรงได้ตลอด แล้วไม่เกาะตัวเป็นทรงกลมล่ะ” คือประโยคคำถามของ ฮาวี่ โปเวส ที่ทำให้ โลกแบน เอฟซี ถือกำเนิดขึ้น
Photo : se21.wordpress.com
โปเวส เติบโตขึ้นมาในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก กับทีมเยาวชนของ แอตเลติโก มาดริด และเคยไต่เต้าขึ้นมาถึงขั้นได้ลงสัมผัสเกมในระดับ ลา ลีกา กับทีม สปอร์ติ้ง กิฆอน มาแล้ว แม้จะแค่นัดเดียวก็ตาม
แต่นั่นก็เพราะว่าเด็กหนุ่มคนนี้ ตัดสินใจยุติเส้นทางค้าแข้งของเขา ด้วยวัยเพียง 24 ปีเท่านั้น
ชีวิตของ โปเวส เต็มไปด้วยความอินดี้ขั้นเทพ ทั้งปฏิเสธการรับเงินเดือนโอนเข้าบัญชี เพราะไม่ต้องการไปยุ่งเกี่ยวกับระบบหมุนเวียนเงินของธนาคารแม้แต่สักวินาทีเดียว (แต่ก็รับเงินนะ แค่ในรูปแบบอื่น) และเมื่อสโมสรตัดสินใจแจกรถให้นักเตะ เขาก็ขับมันกลับไปคืนในวันถัดไปเลย
นอกจากนั้น เขายังสับแหลกว่าวงการฟุตบอลนั้นเต็มไปด้วย “คอรัปชั่น” และ “ระบบทุนนิยม” ที่ โปเวส อ้างว่าระบบดังกล่าวได้ตายจากโลกใบนี้ไปแล้ว
“ผมไม่อยากอยู่ในระบบที่หากินกับความตายของผู้คนในอเมริกาใต้ แอฟริกา และเอเชีย ความรู้สึกนึกคิดของผมมันสั่งให้ถอนตัวออกมาได้แล้ว”
เมื่อหันหลังให้ฟุตบอล โปเวส เก็บกระเป๋าไปท่องโลกนานถึง 5 ปี (ตอนนี้เขายังคิดว่าโลกกลมอยู่) ก่อนที่จะกลับมาสู่กรุงมาดริด กระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง เขาดันไปปิ๊งกับแนวคิดว่า “ถ้าน้ำแบน แปลว่าโลกแบน” เข้าอย่างจัง ในเวลาไล่เลี่ยกันกับที่อดีตเด็กปั้นของตราหมี ได้เข้าเทคโอเวอร์สโมสรฟุตบอลท้องถิ่นเล็ก ๆ ทีมหนึ่งเข้า
จากนักบอลสู่ประธานสโมสร
โปเวส ไม่ต้องการกลับมาลงเล่นฟุตบอลอีกแล้ว โดยระบุว่ามัน “น่าเบื่อ” ที่ต้องคอยทำตามคำสั่งของทีม และเขาเองนี่แหละ ที่ต้องการเป็นคนออกคำสั่ง หรือทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเองขึ้นมาบ้าง
Photo : www.elmundo.es
เขาจึงตัดสินใจเทคโอเวอร์สโมสร มอสโตเลส มาลอมเปีย เพื่อลงทำการแข่งขันในลีกระดับที่ 6 ของประเทศ ร่วมกับ เดนี่ มาร์เกซ อดีตเพื่อนร่วมทีมเมื่อครั้ง โปเวส ยังอยู่ในทีมเยาวชนของ แอตเลติโก มาดริด
ผลงานของ มอสโตเลส มาลอมเปีย นั้นมาแรงแซงทุกโค้ง พวกเขาสามารถเลื่อนชั้นได้ถึง 2 ครั้ง ในระยะเวลาเพียง 3 ปี และเมื่อสโมสรกำลังเตรียมลงเล่นใน เตเซร่า หรือลีกระดับ 4 ของสเปน โปเวส ได้ใช้อำนาจในการจะทำอะไรก็ได้ของการเป็นประธานสโมสร เพื่อเปลี่ยนชื่อทีมให้เรียบง่าย สั้น ๆ ได้ใจความว่า แฟลต์เอิร์ธ เอฟซี หรือ โลกแบน เอฟซี นั่นเอง
และด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สหพันธ์ฟุตบอลสเปน ได้อนุมัติการเปลี่ยนชื่อนี้ให้กับ โปเวส ซึ่งอ้างว่าการกระทำของเขานั้นเป็นไปตามหลัก และถูกกฎหมายทุกประการทั้งปวง
Photo : www.facebook.com/FlatEarthFC
แต่คนที่ไม่อนุมัติอย่างแรง คือ มาร์เกซ ผู้ตัดสินใจแยกทางไปก่อตั้งสโมสร อูเด มอสโตเลส มาลอมเปีย ร่วมกับทีมงานอีกบางส่วน เพื่อลงเล่นในลีกระดับสมัครเล่นต่อไป เนื่องจากไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับ “โลกแบน” ที่ถูกนำเข้ามาสู่สโมสรเก่าของพวกเขา
“จริงอยู่ที่พอคุณเข้ามาซื้อทีม คุณจะทำอะไรก็ได้ แต่นี่มันเหลือเชื่อจริง ๆ” คือคำกล่าวของ วอลเตอร์ ซิมเมอร์แมน อดีตหัวหน้าด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ของสโมสร ซึ่งเป็นหนึ่งในสตาฟฟ์ที่ย้ายไปร่วมงานกับทีมใหม่ของ มาร์เกซ
และจนถึงทุกวันนี้ ทีมโลกแบนของ โปเวส ยังคงโลดแล่นอยู่ในดิวิชั่น 4 ของสเปน โดยมีแฟนบอลรับชมถ่ายทอดสดจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งในฤดูกาล 2020-21 พวกเขาได้มีโอกาสลงเล่นเพลย์ออฟเพื่อลุ้นเลื่อนชั้นด้วย แต่ก็ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
แผนการตลาดหรือเปล่า ?
ในวันที่ โลกแบน เอฟซี เปิดตัวอย่างเป็นทางการ สื่อจากมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ลงข่าวดังกล่าวโดยแทบจะพร้อมเพรียงกัน ราวกับเป็นเงินเปิดตัวสโมสรในระดับ ลา ลีกา เลย
ดังนั้นก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ ที่ โปเวส จะถูกตั้งข้อสงสัยว่า ทั้งหมดที่เขาทำอยู่นั้น มันแค่แผนการตลาด เพื่อสร้างแบรนด์ให้ตนเอง และหารายได้จากกระแสที่เกิดขึ้นหรือไม่
Photo : as.com
“คืองี้ ถ้าผมจะหาตังค์นะ มันมีวิธีอื่นที่ดีและง่ายกว่านี้อีก และถ้านี่เป็นเพียงแผนการตลาดน่ะ ผมคงโดนแหกไปตั้งนานแล้ว” นี่คือคำพูดที่ โปเวส ให้สัมภาษณ์กับทาง Bleacher Report และหากคุณลองค้นหาชื่อของเขาในกูเกิล ก็จะพบว่าประธานสโมสรวัย 34 ปีรายนี้ มีแนวคิดที่สุดโต่งเกี่ยวกับโลกแบนมาสักพักหนึ่งแล้ว
ในขณะเดียวกัน อีกหนึ่งกลุ่มคนที่ย่อมต้องถูกกล่าวถึงอย่างปฏิเสธไม่ได้ คือบรรดานักฟุตบอลในสโมสร ที่บรรดาสื่อต่างพร้อมใจยิงคำถามอย่างไม่ได้นัดหมายว่า “คุณมีความเห็นอย่างไรต่อเรื่องโลกแบน”
คริสเตียน บียาร์ แบ็คซ้ายวัย 22 ปี ระบุว่า “ผมไม่รู้ ผมมาที่นี่เพราะสโมสรมันแปลกดี และอย่างที่ประธานสโมสรบอก พวกเราจะมีซีซั่นที่ดีในปีนี้ นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดแล้ว”
Photo : Vice
และในสารคดีที่ Vice สื่อวีดีโอชื่อดังของสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ได้ไปตามติดชีวิตของทีมโลกแบน พวกเขาได้สัมภาษณ์ 3 นักฟุตบอลของทีม ที่ระบุว่าตนเองไม่ได้เชื่อว่าโลกแบน โดยหนึ่งในนั้นเป็นนักศึกษา ที่เรียนคณะคณิตศาสตร์วิศวกรรมในตอนกลางวัน และมาเตะบอลกับทีมโลกแบนตอนกลางคืน
“ผมคิดว่ามันดีด้วยซ้ำ ที่เราจะตั้งคำถามกับคอนเซปต์ต่าง ๆ ดังนั้น ผมไม่มีปัญหา (ที่จะลงเล่นให้กับทีมโลกแบน) แม้ว่าผมจะไม่เห็นด้วยกับไอเดียนี้ก็ตาม” คือคำกล่าวของนักเตะรายดังกล่าว
แล้วทำไมต้องโลกแบน กับทีมฟุตบอล ?
โปเวส ทราบดีว่าฟุตบอล เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง ในการส่งสัญญาณบางอย่างออกสู่สายตาชาวโลก
Photo : vice
ระหว่างกำลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารอังกฤษและเยอรมันยอมพักรบชั่วคราว เพื่อร่วมเตะฟุตบอลในวันคริสต์มาส 1914 หรือ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ผู้ใช้ลูกหนังช่วยยุติสงครามกลางเมือง นั่นทำให้ตัว โปเวส เองก็ไม่พลาดโอกาสที่จะสร้างแรงกระเพื่อมครั้งสำคัญ ด้วยการสร้างทีมโลกแบนขึ้นมา
แน่นอนว่าผลตอบรับย่อมแบ่งออกไปหลายทาง ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย สนับสนุน ประหลาดใจ เฉย ๆ ไปจนถึงขั้นมองว่า โปเวส จะมาทำลายฟุตบอลด้วยทีมโลกแบนของเขา
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในทีมของเขายังคงเป็นอยู่อย่างดี แม้ตัวของ โปเวส จะเคยด่า เปโดร ดูเก้ อดีตนักบินอวกาศ และรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์สเปน ว่าเป็นคนลวงโลก หรือบอกว่านาซาจัดฉากการลงดวงจันทร์ในสตูดิโอ แต่เขาก็ไม่ได้บังคับว่าผู้เล่นในทีมทุกคนต้องเชื่อแบบเดียวกันกับตนเอง
Photo : twitter.com/FlatEarth_FC
“สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ในตอนนี้ คือเล่นฟุตบอล ไม่มาก ไม่น้อยไปจากนั้น ผมอยากเห็นทีมตัวเองเติบโตไปในปิรามิดฟุตบอลเรื่อย ๆ และสักวันเราอาจได้ลงเล่นในลีกสูงสุดของประเทศ”
ในฤดูกาล 2021-22 โลกแบน เอฟซี จะยังคงลงเล่นอยู่ในลีกระดับที่ 4 ของประเทศ และการเลื่อนชั้นคงเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญของสโมสร ที่พลาดท่าในการเล่นเพลย์ออฟซีซั่นก่อนไปอย่างน่าเสียดาย
กับใครหลายคน เส้นขอบฟ้านั้นอยู่ห่างไกลเกินเอื้อมถึง นั่นเพราะพื้นโลกของเราจะโค้งหลบจากมันไปตลอดกาล แต่สำหรับ โปเวส แม้ขอบฟ้าที่ไกลถึงสุดขอบโลก ก็คงไม่เกินแรงเอื้อมของเขาอย่างแน่แท้
แต่อาจต้องระวังตกขอบโลกกันด้วยนะ …