
เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ลีกมาครองได้แบบไม่ค่อยเกินความคาดหมายนัก เมื่อ แอตเลติโก มาดริด แชมป์เก่าฟอร์มรูดจนแทบจะไม่เหลือเค้าเดิม
ขณะที่ บาร์เซโลนา คู่อริตลอดกาลก็ต้องเสียคีย์แมนอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ไปพร้อมๆกับความสม่ำเสมอของทีม ส่วน เซบียา ที่แม้จะดูดีขึ้นมากภายใต้การทำทีมของ ฆูเลน โลเปเตกี แต่ก็มิอาจทานทนความแกร่งและเขี้ยวจัดของ คาร์โล อันเชล็อตติ ได้อยู่ดี
1. เบอร์ 1 ใน ยุโรป
แชมป์ 35 สมัย ของ เรอัล ทำให้พวกเขาแซงหน้า ยูเวนตุส ในการคว้าแชมป์ลีกมากครั้งที่สุดใน 5 ลีกใหญ่ของ ยุโรป เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้การคว้าแชมป์ขณะที่เหลือเกมให้ลงเล่นอีก 4 นัดก็ยังนับว่าเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรในรอบศตวรรษที่ผ่านมาอีกด้วยและเป็นการทำลายสถิติเดิมของเมื่อฤดูกาล 2007/2008 กับการคว้าแชมป์ขณะเหลือเกมให้เล่นอีกสามเกมด้วยกัน
2. ดอน คาร์โลCarlo Ancelottiคาร์โล อันเชล็อตติ เป็นกุนซือคนแรกที่คว้าแชมป์ลีกครบทั้ง 5 ลีกใหญ่กับ เอซี มิลาน, เชลซี, เปแอสเช, บาเยิร์น มิวนิค และ เรอัล มาดริด แถมยังเป็นคนที่อาสุโสที่สุดที่คุมทีมคว้าแชมป์ ลาลีกา ได้อีกด้วย แซงหน้าสถิติเดิมของ ฟาบิโอ คาเปลโล ในฤดูกาล 2007/2008
3. คิง คาริมKarim Benzemaคาริม เบนเซมา อ้าแขนรับสปอตไลท์เต็มที่กับบทบาทคีย์แมนของ เรอัล มาดริด อย่างเต็มตัวในฤดูกาลนี้
26 ประตูจาก 30 เกมลีกในปีนี้ ทำให้ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลที่เจ้าตัวยิงประตูได้มากที่สุดนับตั้งแต่ย้ายมาในแดนกระทิงดุเมื่อ 13 ปีที่แล้วเลย
นอกจากนี้ 11 แอสซิสต์ของเขาที่เท่ากับ อุสมาน เดมเบเล ก็ยังทำให้ทั้งคู่ครองเบอร์ 1 ของ ลาลีกา ณ ปัจจุบันอีกด้วย
4. กำแพง เบลเยียมVinicius Junior, Thibaut Courtois, Nacho Fernandez, Marceloอดีตผู้รักษาประตูของ เชลซี เสียไป 29 ประตูจาก 34 แมตช์โดยเก็บได้ 14 คลีนชีต ซึ่งทำให้เขาเป็นรองเพียง อเล็กซ์ เรมิโร ของ เรอัล โซเซียดาด เท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงสมควรได้รับเสียงชื่นชมไม่แพ้ วินิซิอุส หรือ เบนเซมา เลย สำหรับผลงานในการช่วยเกมรับของทีมในฤดูกาลนี้